วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีนีโอไลฟ์ AEC2015 10 ประเทศประชาคมอาเซียน




ประเทศไทย            : สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ !

ประเทศสิงคโปร์       : หนีห่าว !

ประเทศพม่า            : มิงกาลาบา !

ประเทศกัมพูชา        : ซัวสเด !

ประเทศมาเลเซีย      : ซาลามัต ดาตัง !

ประเทศอินโดนีเซีย   : ซาลามัต เซียง !

ประเทศบรูไน          : ซาลามัต ดาตัง !

ประเทศฟิลิปปินส์     : กูมุสตา !

ประเทศลาว            : สะบายดี !

ประเทศเวียดนาม      : ซินจ่าว !


วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ระบบขายตรงนีโอไลฟ์ พร้อมเข้าสู่ AEC 2015 เร็วๆนี้


     บางครั้งสิ่งที่ไม่น่ายินดีมักจะมาในรูปที่น่ายินดี สิ่งที่น่ายินดีมักจะมาในรูปที่ไม่น่ายินดี
ก็เหมือนงานหรือธุรกิจที่เราทำบางครั้งเราเลือกงานที่เราชอบหรือที่เราถนัดแต่ให้ผลตอบแทนน้อยหรือไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตเราได้
บางครั้งงานที่เราไม่ชอบไม่ถนัดแต่เราทำแล้วประสบความสำเร็จได้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตได้ อย่างเช่นธุรกิจขายตรงนีโอไลฟ์คนส่วนใหญ่ไม่ชอบขายตรงเพราะไม่ชอบขายของไม่ชอบง้อคนไม่ชอบไปนั้งฟังประชุมไม่ชอบน่าเบื่อแต่ท่านรู้ไหมว่าธุรกิจนีโอไลฟ์แค่ท่านอดทนแค่ปีสองปีทำแบบแกร้งชอบชอบซักสองปีแล้วทำให้ท่านประสบความสำเร็จทั้งชีวิตกับท่านเลือกทำงานที่ท่านชอบทำตลอดชีวิตก็ไม่รวยและต้องเหนื่อยไปจนตายให้ท่านเลือกท่านจะเลือกเหนื่อยกับนีโอไลฟ์แค่สองปีและสบายตลอดชีวิตหรือเลือกทำงานประจำงานที่ท่านชอบก็ต้องเหนื่อยตลอดชีวิตและไม่มีโอกาสรวย ทุกๆท่านก็เลือกและคิดเอาเองว่าจะเลือกแบบไหน วันนี้ผมเลือกถูกแล้วจากวิศวกรคอมพิวเตอร์เงินเดือนสี่หมื่นต่อเดือน ทำมาแปดปี มีแต่หนี้ ทำนีโอไลฟ์แค่สองปีนิดๆ กับรายได้ต่อเดือนหลายแสนบาท รถหรูหร่า ท่องเที่ยวต่างประเทศ มีอิสระด้านเวลาไม่ต้องมีลูกน้องไม่ต้องมีเจ้านายค่อยสั่งการ มีอิสระด้านรายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด สู้สู้นะครับเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้วยอมเหนื่อยกับนีโอไลฟ์ อีกนิดนะครับเพื่อความสำเร็จของทุกๆท่าน นะครับ
ขอขอบคุณ ท่านรองประธานฯ เคน

เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน 
สมัครสมาชิก Click Hear




วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

คมชัดลึก กับนีโอไลฟ์ (Neolife)


ชี้แจง ธุรกิจนีโอไลฟ์ ระบบขายตรง กับคมชัดลึก







ความแตกต่างระหว่างธุรกิจ ขายตรงกับแชร์ลูกโซ่

ระบบขายตรงคือ รายได้จากผู้จำหน่าย (ตัวแทนขาย)  มาจากการขายสินค้า  ทำมากได้มาก
แชร์ลูกโซ่ คือการระดมคนมา  ไม่มีสินค้า คือเข้ามาจ่ายเงิน  และเอาเงินนี้มาแบ่งปัน






วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ขายตรงสายพันธุ์ไทยชู'ทีวีดาวเทียม'รุก AEC


ขายตรงสายพันธุ์ไทยชู'ทีวีดาวเทียม'รุก AEC



ล่าสุด ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้เทกโอเวอร์ นสพ.สยามธุรกิจ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อช่องทีวีดาวเทียม “นีโอทีวี” เป็น “นีโอทีวี สยามธุรกิจ” 
     
              ช่องนีโอทีวี ถือว่ามีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มทีวีเครือข่ายตรง โดยมี ดร.นพรุจ เวชกุล กับ ดร.รัชนี มหานิยม ประธานฝ่ายสมาชิกของบริษัทนีโอไลฟ์ เป็นตัวชูโรงในช่องนี้
     
              ขณะนี้ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ขยายการทำธุรกิจสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 
     
              ที่ผ่านมา บริษัทนีโอไลฟ์ฯ ได้ทำการขยายศูนย์สู่ประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ ส.ป.ป.ลาว มี 4 สาขา (เวียงจันทน์, สะหวันเขต, จำปาสัก และอุดมไซ) สิงคโปร์ และเวียดนาม
     
              เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ทำการขยายศูนย์สาขาเข้าไปที่ประเทศกัมพูชา โดยวางจุดตั้งสาขาที่เมืองหลวงกรุงพนมเปญ 
     
              เครื่องมือในการรุกไปในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่ทรงพลังคือ "ทีวีดาวเทียม" ที่ออกอากาศผ่านดาวเทียมไทยคม ระบบซีแบนด์
     
              วันนี้ ช่องนีโอทีวี เปลี่ยนเป็น "นีโอ สยามธุรกิจ" เพราะการผันเปลี่ยนของการรับข่าวสารในปัจจุบันของประชาชน ซึ่งนิยมรับข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ และสื่อรูปแบบใหม่ต่างๆ เพิ่มขึ้น ทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อเก่าทำงานได้อย่างยากลำบาก และเป็นเรื่องยากที่จะดึงคนเข้ามารับข่าวสารในช่องทางนี้ 
     
              ทำให้ นสพ.สยามธุรกิจราย 3 วัน ต้องคิดและวางแผนในการทำงาน ใหม่ เพื่อให้สื่อสิ่งพิมพ์ยืนอยู่ในลู่การแข่งขันต่อไป
     
              มิเพียงแบรนด์น้องใหม่ขายตรงที่ปรับตัว แบรนด์ดังอย่าง "กิฟฟารีน” ก็ทุ่ม 50 ล้านบาท เปิดตัวทีวีดาวเทียม “กิฟฟารีน แชนแนล” ยิงสัญญาณไปทั่วอาเซียน รับมือกับการเปิดตลาด AEC เช่นกัน
     
              พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “กิฟฟารีน แชนแนล” เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สนับสนุนแผนการทำตลาดของกิฟฟารีน 
     
              โดยมีด้วยกัน 9 รายการ แบ่งเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของบริษัท 30-40% และอีก 60-70% เป็นการสื่อสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักธุรกิจ และสาระความบันเทิงเพื่อ เจาะกลุ่มเป้าหมายนักธุรกิจกิฟฟารีน 70% และที่เหลืออีก 30% สำหรับบุคคลทั่วไป โดยเริ่มทดลองแพร่ภาพออกอากาศทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา  
     
              เดิมทีบริษัทมีช่องทางการสื่อสารหลักคือ การจัดอบรมสัมมนา การติดต่อ สื่อสารผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งบางครั้ง อาจทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไป อย่างไม่ทั่วถึง เพราะกิฟฟารีนมีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
     
              เมื่อมีการจัดอบรมสัมมนาขึ้นในพื้นที่ส่วนกลาง ก็มีสมาชิกหลายๆ คนพลาดโอกาสเข้าร่วม หรือช่องทางสื่อสารทางเว็บไซต์ของบริษัท ก็ไม่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตของนักธุรกิจบางคนที่อาจไม่ถนัดในด้านไอทีนัก 
     
              ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้นักธุรกิจจำนวนมากเกิดความรู้สึกห่างเหินกับทีมงานและองค์กร จนทำให้บางคนเลิกทำธุรกิจกับบริษัทไปโดยปริยาย 
     
              จากการสำรวจของบริษัทพบว่าสมาชิกนักธุรกิจในต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะมีการติดจานดาวเทียมถึงร้อยละ 70 ขณะที่สมาชิกในกรุงเทพฯ มีจานดาวเทียมร้อยละ 30-40 
     
              ฉะนั้น พญ.นลินี จึงคิดว่าการที่บริษัทเปิดช่องทีวีดาวเทียมขึ้น จะทำให้ดึงนักธุรกิจเก่ากลับมา และเหนืออื่นใดสามารถสร้างนักธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นได้อีกมาก
     
              ทั้งนี้ “กิฟฟารีน แชนแนล” จะมีการแพร่ภาพ ส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ทั้งในทวีปเอเชีย, ยุโรป และออสเตรเลีย โดยใช้ระบบสัญญาณดาวเทียมซีแบนด์ 
     
              สิ่งที่บริษัทจะได้รับอีกอย่างหนึ่งคือ ช่องทางดังกล่าวสามารถรองรับการเปิดเสรีเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ได้เป็นอย่างดี เพราะขณะนี้กิฟฟารีนได้รุกขยายเครือข่าย ธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย, กัมพูชา, ลาว และปีหน้ากำลังจะรุกเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย 
     
              การมีช่องทีวีดาวเทียมจึงสามารถเชื่อมโยงนักธุรกิจ ในกลุ่มประเทศอาเซียนให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับกิฟฟารีนเมืองไทยได้  
     
              เมื่อการเปิดตลาดการค้าเสรีอาเซียนมาถึงในอีก 3 ปีข้างหน้า "ขายตรงสายพันธุ์ไทย" ก็รุกเข้าไปประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยกลยุทธ์ดาวเทียมนำการตลาด!



วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความ หวังแห่งความยิ่งใหญ่ในอนาคต ที่ นีโอ ไลฟ์-Neo Life ต้องการ นิโรธ เจริญประกอบ

        

       หากความยิ่งใหญ่ของกองทัพ “เล่าปี่” เกิดขึ้นได้เพราะการมีสุดยอดกุนซือแห่งยุค อย่าง “จูกัดเหลียง ขงเบ้ง” ก็คงจะไม่ต่างอะไรจาก “นีโอ ไลฟ์” ที่ต้องหาสุดยอดผู้มีประสบการณ์มาร่วมเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร หากต้องการความยิ่งใหญ่ในระดับสากล
วันนี้ “บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ไม่ใช่เพียงบริษัทขายตรงพันธุ์ไทยชื่อเล็กเฉกเช่นอดีตที่ผ่านมา แต่ด้วยกลยุทธ์เจาะตรงที่การสร้างเครือข่ายระดับรากหญ้า เน้นไปที่กลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศในการดึงเป็นแนว ร่วมของธุรกิจ ทำให้ ณ ปัจจุบัน “นีโอ ไลฟ์” กลายเป็นแบรนด์ ขายตรงยักษ์ใหญ่ของไทย ด้วยระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ 12 ปี
โดยในปีที่ 12 นี้เอง ที่บริษัทต้องการทำให้เป็นปีแห่ง การสร้างบันไดทองไต่ฝันการโกอินเตอร์ เริ่มไปที่การใช้ประโยชน์ จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในการขยาย เขตสาขาของ “นีโอ ไลฟ์” อย่างน้อยก็ให้ชื่อเสียงของบริษัทกระจายเป็นที่รับรู้ในเขตอาเซียน ซึ่งมีประชากรอยู่กว่า 500 ล้านคน นับเป็นโชคดีของ “นีโอ ไลฟ์” เป็นอย่างยิ่ง เพราะหากนำเอาระยะเวลา 12 ปีในการดำเนินธุรกิจมาบวกลบกับ ยอดขายรายปีที่บริษัทได้รับ ก็ถือว่าเป็นเวลาที่สมควรในการ หาตลาดใหม่เพื่อให้บริษัทโลดแล่นในเวทีต่างประเทศ โดยมี AEC เป็นใบเบิกทาง คนคิดเล็ก ไม่มีวันเป็นใหญ่ และคนเป็นใหญ่ คือ ผู้ที่ไม่คิดเล็ก นี่น่าจะเป็นคำพูดที่เหมาะสมกับ “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานบริษัท นีโอ ไลฟ์ฯ ที่นับจากวันแรกถึงวันนี้ เชื่อว่าท่าน ผู้บริหารผู้นี้ คือ ผู้ที่คิดการใหญ่อย่างแท้จริง แต่นั่นดูจะไม่ ใช่เรื่องง่าย หากจะทำให้ “นีโอ ไลฟ์” ก้าวไปสู่เวทีสากลอย่างภาคภูมิ
“นิโรธ เจริญประกอบ” อดีตเลขาธิการ สคบ. คือ ความ หวังแห่งความยิ่งใหญ่ในอนาคต ที่ “นีโอ ไลฟ์” ต้องการ อดีตเลขาธิการ สคบ. ผู้นี้ คือ ผู้หนึ่งที่ถูกประทับตราให้เป็นผู้ใหญ่ในวงการราชการ เพราะจากตัวเลขพรรษาในการ ทำงานราชการถึง 38 ปี โดยอยู่ในสคบ. 30 ปี ก็น่าจะเป็น การการันตีความแกร่งกล้าในวิชารัฐได้เป็นอย่างดี
“นิโรธ เจริญประกอบ” ได้ขึ้นมานั่งเป็นเลขาธิการ สคบ.ในปี 2551 ในยุครัฐบาลของ “สมัคร สุนทรเวช” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ล่วงลับผลงานเด่นชัดในการกำกับดูแลงานด้านขายตรง ให้เกิด ความชอบธรรม และเป็นบุคคลสำคัญบุคคลหนึ่งที่พยายามทำให้ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจสีขาวอย่างเต็มภาคภูมิสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คือ การเปลี่ยนแปลง วันนี้ “นิโรธ เจริญประกอบ” สละเครื่องแบบราชการ มาสวมสูทผูกไทรับเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ให้กับ “นีโอ ไลฟ์” ก่อนเวลาเกษียณร่วม 3 เดือน ด้วยเหตุผลต้องการความท้าทายใหม่ๆ ในการทำงานของตนเอง อีกทั้งนิสัย ส่วนตัวที่ชอบช่วยเหลือสังคม ซึ่ง “นีโอ ไลฟ์” เป็นบริษัทขายตรงที่ช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริง ทำให้ตนต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ ซึ่งในอีกมุมก็จะเป็นการยกระดับธุรกิจขายตรงต่อไปในอนาคต
“นีโอ ไลฟ์” ไม่ใช่บริษัทที่ได้ “นิโรธ เจริญประกอบ” มาร่วมงานเพราะความโชคดี แต่เป็นผลมาจากอุดมการณ์ ความต้องการช่วยเหลือผู้คนที่คล้ายกัน ทำให้การผนึกกำลัง กันในครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรกับกองทัพธรรมของท่านเล่าปี่ ที่ได้กุนซือร่วมอุดมการณ์อย่างขงเบ้งมาร่วมการใหญ่ นับจากนี้ “นีโอ ไลฟ์” จะกลายเป็นบริษัทขายตรงที่จะได้รับการจับตามองมากที่สุด และในอนาคต “นีโอ ไลฟ์” ก็จะเป็นแบรนด์ที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการยกระดับธุรกิจขายตรงส่วนตลาดอาเซียน ก็ดูจะเล็กลงไปถนัดตา สำหรับเสือติดปีก นาม “นีโอ ไลฟ์”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นสพ.สยามธุรกิจ   ฉบับที่ 1313 ประจำวันที่ 30-6-2012  ถึง 3-7-2012

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

MLM จุดพลุงานใหญ่ โชว์ศักยภาพเรียกแขกรับมือ AEC

       นับถอยหลังการเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC ค่ายขายตรงน้อยใหญ่ลั่นกลองรบ ระเบิดงานใหญ่โชว์ศักยภาพเต็มสูบ หมายเรียกคนดูรับแขกอาเซียน “นีโอ ไลฟ์”  ประดับเข็มยิ่งใหญ่ พร้อมเข็นกลยุทธ์รับมือตลาด ยังเน้นการสร้างผู้นำต้นแบบ หวังเป็นตัวอย่างนักขายเดินตาม


จาก ที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า ในปี 2558 การค้าการขายระหว่างประเทศอาเซียนจะเปลี่ยนไป ตามพันธสัญญาการเปิดการค้าเสรีอาเซียนบวก 3 หรือ AEC ทำให้บรรดาค่ายขายตรงต้องพยายามสร้างความพร้อมเพื่อตอบรับโลกเศรษฐกิจที่ กำลังจะเกิดขึ้น

โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปี บรรดาค่ายขายตรง ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่ หรือเก่า ก็พยายามที่จะลั่นกลองเปิดงานใหญ่ เพื่อให้วงการรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของบริษัทตนเอง อีกทั้งยังต้องการให้สมาชิกเตรียมพร้อมรับมือการเปิดการค้าเสรี หรือ AEC อย่างน้อยก็เป็นการประกาศความพร้อมรับมือ เพื่อมัดใจสมาชิก และแสดงให้เห็นว่าบริษัทของ ตนเองพร้อมสำหรับการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคอาเซียน ที่มีอยู่กว่า 500 ล้านคน


“นีโอ ไลฟ์” เปิดหัวทะยานสู่โลกอาเซียน


ค่าย ยักษ์รายแรกที่เริ่มจัดงานใหญ่ต้นปี และดูเป็นที่สนใจมากที่สุดเห็นจะเป็น “นีโอ ไลฟ์” ที่เริ่มประกาศศักดาตนเองด้วย งาน Connect The Dot to Asean ซึ่งชื่อ งานก็เป็นการประกาศแล้วว่า “นีโอ ไลฟ์” เตรียมที่จะมุ่งสู่โลกอาเซียนเต็มตัว โดยใช้งานดังกล่าวเป็นสื่อกลาง


โดย ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรม การบริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมแผนการกระจายแบรนด์ “นีโอ ไลฟ์” ออกสู่ตลาดสากลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะส่วนอาเซียนเอง และกลุ่มประเทศที่จะเปิดการค้าเสรีในปี 58


ซึ่งการ ขยายสาขาของบริษัท ปัจจุบัน มีการขยายไปแล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ จีน, เวียดนาม, ลาว และสิงคโปร์ ซึ่งทุกประ เทศก็มีกระแสตอบรับกลับมาเป็นอย่างดี กลุ่มประชาชนให้ความสนใจในตัวบริษัท และ เดินเข้ามาเป็นสมาชิกกันเป็นจำนวนมาก


การปูรากฐานใน เวทีอาเซียน นีโอ ไลฟ์ เริ่มต้นที่ประเทศลาวเป็นพื้นที่แรก ซึ่ง ต้องพบเจออุปสรรคนานาปัญหา ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความแตกต่างทางด้านภาษา วัฒนธรรม มุมมอง และความคิด โดยกว่า 2 ปีที่บริษัทบุกเบิก เพื่อเป็นการพิสูจน์ตนเอง วันนี้ นีโอ ไลฟ์ กลายเป็นที่ยอมรับในตลาดของประเทศลาว จนปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์สาขาในลาวถึง 4 ศูนย์ ได้แก่ สาขาเวียงจันทน์, สาขาสะหวันเขต, สาขาจำปาสัก และสาขาอุดมชัย


จากความสำเร็จของก้าวแรกในเวที อาเซียนส่งต่อให้บริษัทขายพื้นที่ปักธงในเวทีสากลเพิ่มอีก โดยมีจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ ดังที่กล่าวมา โดยบริษัทได้คาดหวังว่า ในปี 2556 บริษัทจะปักธงเขตประเทศอาเซียนให้ครบ 10 ประเทศ และสุดท้ายคือ ประเทศอินเดีย


โดยในอนาคตบริษัทต้องการที่จะขยายออก สู่ 10 ประเทศอาเซียน และ 3 ประเทศ ที่เข้าร่วม ซึ่งมีจีนที่บริษัทได้ขยาย ออกไปแล้วในช่วงก่อนหน้า อีกทั้งในอีกไม่ กี่เดือนที่จะถึง สาขาของนีโอ ไลฟ์ ในประเทศกัมพูชาก็กำลังจะเกิดขึ้น


“การค้าเสรี อาเซียน นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่บริษัทมองไปถึง เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทไม่ใช่เพียงแต่แบรนด์ขายตรงที่อยู่ในไทยเสียแล้ว เพราะความต้องการส่งต่อ ความสำเร็จไปยังพี่น้องทั่วโลก ทำให้การขยายตัวของบริษัทต้องเกิดขึ้นในเร็ววัน โดยบริษัทมีความต้องการเห็นการเพิ่มจำนวน ของสมาชิกที่เป็นพี่น้องชาวต่างชาติ และทำให้เห็นว่า แบรนด์ขายตรงของไทย คือ สิ่งที่จะเข้าไปสร้างฐานะความเป็นอยู่ให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น” หัวเรือ นีโอ ไลฟ์ เผย